สายสัมพันธ์วงการลูกสักหลาดยืนยาว เมื่อคุณรอศักดิ์ มูลทรัพย์ และ คุณเราะห์มะห์ มูลทรัพย์ เปิดโรงแรมอัล มีรอซ กรุงเทพฯ จัดงานแสดงมุทิตาจิต เนื่องในโอกาสเกษียณอายุราชการของ ดร.วิชิต อิ่มอารมย์ ประธานหลักสูตรปริญญาเอก สาขาวิชาการจัดการนันทนาการการท่องเที่ยวและกีฬา มหาวิทยาลัยศิลปากร โดยมีอดีตโค้ชเทนนิส 71 เทนนิสอคาเดมี่ และสมาชิกของชมรมผู้ปกครองนักเทนนิสแห่งประเทศไทย มาร่วมงานอย่างคับคั่ง พร้อมกับอวยพรให้ ดร.วิชิต อิ่มอารมย์ มีแต่ความสุขกายสบายใจ สุขภาพแข็งแรง ๆ หลังเกษียนอายุราชการกันพร้อมหน้า
คุณรอศักดิ์ มูลทรัพย์ และ คุณเราะห์มะห์ มูลทรัพย์ ได้เปิดโรงแรมอัล มีรอซ จัดงานแสดงความยินดีให้กับ ดร.วิชิต อิ่มอารมย์ ในสมัยที่ท่านฉลองปริญญาเอก จากมหาวิทยาลัยบูรพามาแล้วครั้งหนึ่ง มาครานี้ พี่รอศักดิ์ ผู้มีแต่ให้ ยังสร้างความประทับใจจัดงานมุทิตาจิต เนื่องในโอกาสเกษียณอายุราชการของ ดร.วิชิต อิ่มอารมย์ อีกครั้ง จึงไม่ต้องสงสัยถึงความผูกพันที่ทั้งสองครอบครัวมีต่อกัน เป็นสิ่งที่งดงามมาตั้งแต่สมัย เด็กหนุ่มจากต่างจังหวัดสอบติดมหาวิทยาลัยและพลิกผันชีวิต ได้มาพบกับพี่รอศักดิ์ จนได้มาเป็นหนึ่งในสมาชิกโค้ชของ 71 International Tennis Academy นั่นก็คือ ดร.วิชิต อิ่มอารมย์
บรรยากาศภายในงาน เต็มเป็นไปด้วยความชื่นมื่นและเป็นกันเอง ตั้งแต่ก้าวแรกที่ขยับเข้ามาภายในโรงแรมอัลมีรอซ จนถึงห้องริฟาอี บริเวณจัดงาน พี่รอศักดิ์ ในฐานะอดีตประธานชมรมผู้ปกครองนักเทนนิสแห่งประเทศไทย และผู้บริหารสถาบัน 71 International Tennis Academy และยังเป็นผู้บริหารโรงแรมอัล มีรอซ ผู้ที่ใช้ชีวิตสงบและเรียบง่ายอยู่เสมอ ให้เกียรติมาร่วมต้อนรับแขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมงานด้วยตัวเอง พร้อมกับ คุณเราะห์มะห์ มูลทรัพย์
“ไม่มีคำพูดไหน ที่จะพูดออกมาจากใจ ได้ เท่ากับคำว่า ขอบพระคุณ…..จากใจจริง ที่มีต่อพี่ ๆ น้อง ๆ ชาว71 ผู้ที่มีพระคุณต่อผม ทุกท่านที่มาร่วมกันในงานวันนี้ ขอขอบพระคุณ คุณรอศักดิ์และคุณเราะห์มะห์ มูลทรัพย์ ผู้ที่มีพระคุณและดูแลผมมา คอยอุปถัมภ์ ค้ำจุน และสร้างทุนชีวิตจนมีวันนี้ได้ และได้จัดงานในวันนี้ ประทับใจ ตรึงใจตลอดไป ขอขอบพระคุณทุกท่านเป็นอย่างสูงครับ” ดร.วิชิต อิ่มอารมย์ กล่าวขอบคุณผู้จัดงานและผู้มาร่งมงานทุกท่าน
นอกจากนั้นยังมีผู้ที่อยู่ในวงการเทนนิสอย่าง “เบิ้ม” ดร.ธนากร ศรีชาพันธุ์ พี่ใหญ่แห่งตระกูลศรีชาพันธุ์ ก็ร่วมแสดงความยินดีผ่านข้อความมาจากขอนแก่น ด้วยว่า “ดร.วิชิต เป็นพี่ชาย เป็นทีมโค้ช เป็นกัลยาณมิตร ตั้งแต่เริ่มรู้จักมาจนถึงปัจจุบัน ขอให้พี่วิชิตมีความสุข สุขภาพแข็งแรง ปลอดโรค ปลอดภัยครับ”
ผศ.ดร.นฤพนธ์ วงศ์จตุรภัทร คณบดีคณะวิทยาศาสตร์การกีฬา มหาวิทยาลัยบูรพา ยังได้กล่าวแสดงความยินดีและต้อนรับน้องใหม่ กลุ่ม สว ครับ ดร. วิชิต ยินดีที่ได้พบคุณรอศักดิ์และคุณจู ที และสมาชิกฯคอร์ด 71 ทุกท่านครับ
นายฉัตรชัย รติวัฒน์ ยังได้ฝากสมบัติ 7 ประการ ที่ต้องนำติดตัวไว้ดำเนินชีวิตหลังเกษียณอายุ เพื่อจะได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีเปี่ยมด้วยความสุขของชาวสูงวัย ด้วยดังนี้
1) สมบัติด้านสุขภาพ และพลานามัยที่สมบูรณ์แข็งแรง ไม่เจ็บ ไม่ป่วยไข้ กินง่าย ถ่ายคล่อง ออกกำลังกายสม่ำเสมอ จะได้ไม่สิ้นเปลืองค่ารักษาพยาบาล
2) สมบัติด้านอารมณ์ มีจิตใจแจ่มใส สดชื่น รื่นเริง ไม่เครียด อย่าวิตก กังวล หรือห่วงเรื่องต่างๆในสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบันให้มากจนเกินไปทำให้หงุดหงิดใจเปล่าๆ มีอารมณ์เย็น สบายใจ มองโลกในแง่ดี ควรเดินทางท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ เพื่อซึมซับธรรมชาติที่สวยงาม สถานที่ท่องเที่ยวที่แปลกหูแปลกตา ชีวิต ความเป็นอยู่ของเพื่อนร่วมโลก
3) สมบัติด้านความคิด มีสมองปลอดโปร่ง โล่ง มีความคิดบวกและใหม่เกิดขึ้นสม่ำเสมอ ในเชิงสร้างสรรค์ ดีมีประโยชน์ และในแนวที่จะทำให้ตนเองมีคุณค่ายิ่งขึ้น
4) สมบัติด้านทรัพย์สิน แก้วแหวน เงิน ทอง ของมีค่าต่างๆต้องมีอยู่กับตนเองให้มากพอควร อย่าให้ลูกหลานจนหมดตัว มิฉะนั้นจะหมดกำลังใจ จนพลอยทำให้อาจหมดอายุได้
ที่สำคัญต้องรู้จักใช้ให้เป็น รู้จักความเป็นอยู่แบบเศรษฐกิจพอเพียง
5) สมบัติด้านเกียรติยศ ชื่อเสียง มีคนยกย่อง สรรเสริญ ชมเชย ในผลงานที่ได้ทำ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อประชาชน และประเทศชาติสืบไป จะได้เป็นความภาคภูมิใจ และเป็นสิ่งที่เตือนให้เราต้องรักษาชื่อเสียงให้คงสืบต่อไป
6) สมบัติด้านมนุษยสัมพันธ์ เรื่องนี้ถือว่าสำคัญมาก เพราะบรรดาผู้ที่ใกล้ชิดเราไม่ว่าจะเป็นบุคคลในครอบครัว เครือญาติ พรรคพวกเพื่อนฝูง มิตรสหาย เจ้านาย ลูกน้อง จะค่อยๆหายหน้าหายตาไปจากเราอยู่ตลอดเวลา ถ้าไม่เสียชีวิตก็จะไม่ค่อยจะได้ติดต่อกัน ดังนั้นการคบหา การนัดพบปะสังสรรค์ การติดต่อกันโดยตลอด จะทำให้เราได้เจอหน้าเจอตา สนทนาพูดคุย ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบซึ่งกันและกัน ความรู้สึกสดชื่นมีชีวิตชีวาจะเกิดขึ้น เกิดความกระชุ่มกระชวยที่ทำให้เราไม่เกิดความเบื่อโลก อยากมีชีวิตอยู่ เป็นต้น
7) สมบัติด้านศีลธรรมอันดี
เราต้องรู้จักบาปบุญคุณโทษ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว รู้จักทำบุญสร้างกุศล หมั่นบริจาคเมื่อมีโอกาส ให้ทานผู้ด้อยกว่าเรา ช่วยเหลือเจือจุนญาติพี่น้อง มิตรสหาย ประพฤติตัวในทางที่ถูกที่ควร มีสัมมาคารวะ ไม่ยกตนข่มท่าน ปฏิบัติตัวตามหลักอิทธิบาท 4 และพรหมวิหาร 4 เป็นต้น
#https://u-hit.net/